การมีรถยนต์นั้นแม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ขณะเดียวกันก็ตามมาด้วยภาระที่ต้องจ่ายเยอะทีเดียว ต้องคำนวณทั้งเรื่องราคาค่าผ่อนชำระ คำนวณราคาประกันรถยนต์ที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน แต่ละปี มีเรื่องให้เราต้องใช้เงินอยู่ตลอด เราจึงต้องสนใจที่จะปกป้องดูแลรถของเราให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ
เรื่องการเติมน้ำมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราต้องใส่ใจเช่นกัน อาจจะมีบางกรณีที่เราเข้าไปเติมน้ำมันที่ปั๊ม แล้วพนักงานปั๊มเข้าใจผิด เติมน้ำมันผิดชนิดให้ แม้จะใช้ได้ แต่ในระยะยาวก็คงไม่ดีกับเครื่องยนต์ ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์พังต้องเสียค่าใช้จ่ายอีก ครั้งนี้เราจึงมีวิธีป้องกันไม่ให้พนักงานเติมน้ำมันผิดมาเล่าให้ฟัง

การติดป้ายช่วยได้เสมอ
วิธีการแรกง่ายและได้ผลดี ก็คือ หาป้ายสติ๊กเกอร์มาติดไว้ข้าง ๆ ฝาถังน้ำมันเลย หรือติดไว้ที่ด้านในของฝาถังน้ำมันเลยก็ได้ โดยปกติแล้วถ้าเป็นรถป้ายแดงรุ่นใหม่ในตอนนี้ จะมีป้ายติดไว้ที่ฝาถังน้ำมันด้านในอยู่แล้ว ว่ารถคันนี้ต้องเติมน้ำมันแบบไหน หรือถ้าไม่มีคุณก็สามารถหาซื้อได้ เป็นประเภทสติ๊กเกอร์ที่มีข้อความว่า “ดีเซลเท่านั้น” หรือ “ห้ามเติม E85” อย่างนี้เป็นต้น
มีบางคนที่บ้านมีรถหลายคัน ก็ขับสลับ ๆ กันไปจนบางทีเวลาไปเติมน้ำมันก็บอกพนักงานปั๊มแบบเคยชิน โดยลืมไปว่าวันนี้เอารถน้ำมันดีเซลมา ไม่ใช่รถเบนซิน เผลอบอกพนักงานเติมน้ำมันเบนซินไปแล้ว การมีสติ๊กเกอร์แปะไว้ จะทำให้พนักงานเติมน้ำมันเอะใจได้บ้าง และอาจจะกลับมาถามเราอีกครั้ง วิธีนี้จึงช่วยได้มากทีเดียว
สั่งย้ำให้ชัดเจนอีกครั้ง
โดยปกติแล้ว ก่อนจะเติมน้ำมันพนักงานเติมน้ำมันก็มักจะเดินมาถามก่อนทุกครั้งอยู่แล้วว่า เราต้องการเติมน้ำมันชนิดไหน และเติมเท่าไหร่ ตรงนี้ก็แนะนำเลยว่า บอกพนักงานให้ครบถ้วน ซึ่งในช่วงนี้เราอาจจะต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่ บางครั้งพนักงานอาจจะฟังเราไม่ชัดหรือไม่ถนัด ก็อยากให้คุณบอกย้ำกับพนักงานเติมน้ำมันอีกครั้งเช่น “เติม E20 500 บาท E20” นะ ประมาณนี้เป็นต้น

หากไม่ชัวร์ลงมาดูด้วยตนเอง
อีกทางหนึ่งที่ช่วยได้แบบชัวร์ ๆ เลยก็คือ ลงจากรถมาดูเองเลยว่า พนักงานชักหัวจ่ายตรงกับที่เราต้องการหรือไม่ หรืออีกทางก็ให้ดูที่ป้ายที่ทางพนักงานวางไว้หน้ารถว่าถูกต้องหรือไม่ แม้ว่าอาจจะเสียเวลาสักหน่อยที่จะต้องลงมาดูเอง แต่ทั้งนี้ก็เพื่อความมั่นใจว่าทางพนักงานจะเติมน้ำมันให้เราไม่ผิดประเภท
การเติมน้ำมันผิดประเภทนั้น ส่งผลต่อเครื่องยนต์โดยตรง เวลาจะแก้ไขก็ยาก ต้องเสียเวลามากพอสมควร ต้องมีการเอารถเข้าอู่เพื่อทำการแก้ไข ซึ่งขั้นตอนวุ่นวาย มีค่าใช้จ่ายเพิ่มตลอด ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้เผลอ ๆ จะแพงกว่าราคาประกันรถยนต์อีก ไหนจะต้องต่อสู้เพื่อให้มีผู้รับผิดชอบ ต้องกังวลในการนำกลับมาใช้งานต่ออีก หากต้องมีเรื่องรบกวนจิตใจในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ไม่สมควรเกิดขึ้นจากการเติมน้ำมันแบบนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
นี่คือทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องการเติมน้ำมัน เป็นการป้องกันไม่ให้พนักงานปั๊มเติมน้ำมันให้เราผิด ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้กันได้ อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในการดูแลรถของเราก็คือ การทำประกันรถยนต์ไว้ เผื่อกรณีเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นในการขับขี่วันนี้ แต่ก่อนจะตัดสินใจทำก็อย่าลืมราคาประกันรถยนต์ก่อนนะว่าแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับคุณที่สุด จะได้ไม่เป็นภาระมากเกินไปยังไงล่ะ